[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”793727″ img_size=”full” alignment=”center”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_column_text]

วิธีการเลือกใช้ปั๊มจุ่ม ให้เหมาะกับงานน้ำเสีย

หากเราต้องการเลือก ปั๊มจุ่ม  (submersible Sewage Pump) ให้เหมาะสมกับการใช้งานใน น้ำเสีย  ก็จะทำให้เราสามารถเลือกอุปกรณ์สำหรับปั๊มน้ำเสียให้เหมาะสมกับประเภทของน้ำเสียนั้นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความต้องการของการนำไปใช้งาน  เนื่องจากน้ำเสียที่ต้องผ่านการบำบัดน้ำเสีย จะมีขนาดของตะกอนในน้ำเสียนั้นแตกต่างกันออกไป ดังนั้น วิธีการเลือกใช้ปั๊มจุ่มจึงเป็นอีกหนึ่งสำคัญที่เราควรจะทราบ  เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในเรื่องการจัดการน้ำเสียได้อย่างตรงตามวัตถุประสงค์ รวมถึงช่วยรักษาปั๊มจุ่มให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

[/vc_column_text][vc_column_text]

วิธีการเลือกใช้ปั๊มจุ่ม 

ในปัจจุบัน ปั๊มจุ่มที่ถูกนิยมนำมาใช้กับงานน้ำเสีย ก็เพื่อใช้สูบจ่ายน้ำดิบจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในงานระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งในน้ำดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการบำบัดน้ำเสีย มักมีกากตะกอนหลายรูปแบบปะปนมากับน้ำด้วย ไม่ว่าจะเป็นเศษผ้า เศษไม้ พลาสติกรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้มีเศษขยะหรือตะกอนเข้าไปอุดตันภายในปั๊มจุ่มได้ ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเราเลือกใช้ปั๊มจุ่ม ที่มีลักษณะของใบพัดให้เหมาะสมกับรูปแบบของตะกอนในน้ำเสีย เพราะนอกจากจะลดการอุดตันภายในตัวปั๊มแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของปั๊มให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_column_text]ประเภทของใบพัดมี 4 ประเภท ดังนี้[/vc_column_text][vc_column_text]1.ใบพัด แบบVortex[/vc_column_text][vc_single_image image=”793713″ img_size=”full”][vc_column_text]เป็นใบพัดที่มีลักษณะการหมุนเพื่อก่อให้เกิดกระแสน้ำวน และสร้างแรงเหวี่ยงให้เศษขยะหรือเศษตะกอนที่ไหลปะปนเข้ามาในตัวปั๊ม สามารถลอดผ่านไปได้โดยไม่สัมผัสกับตัวปั๊มโดยตรง ทำให้ไม่เกิดการอุดตันบริเวณใบพัดและภายในตัวปั๊ม ซึ่งใบพัดลักษณะนี้จะเหมาะกับงานสูบจ่ายน้ำเสียที่ต้องการสูบจ่ายน้ำได้ในปริมาณมาก (ค่า Flow สูง) แต่มีแรงส่งไม่สูง (ค่า Head ไม่สูงเท่า เมื่อเทียบกับใบพัดประเภทอื่นที่ใช้มอเตอร์ในขนาดแรง (HP) ที่เท่ากัน ) หรืองานสูบจ่ายที่ไม่สามารถตัดตะกอนได้ เช่นเศษขยะที่มีลักษณะเป็นเส้นใย หรือมีความสูงของตะกอนที่ไม่ยาวเกินขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ เพื่อให้ไหลผ่านตัวปั๊มได้[/vc_column_text][vc_column_text]2.ใบพัด แบบ NON-CLOG[/vc_column_text][vc_single_image image=”793716″ img_size=”full”][vc_column_text]เป็นใบพัดชนิดกึ่งเปิด (Semi-open) โดยให้มีช่องว่างระหว่างใบพัด เพื่อให้เศษขยะหรือตะกอน สามารถไหลผ่านออกไปได้ โดยไม่เกิดการอุดตันบริเวณใบพัดและท่อทางเช้า เหมาะกับงานสูบจ่ายน้ำเสียที่มีตะกอนขนาดเล็ก งานสูบระบายน้ำเสียทั่วไป ตามอาคาร ที่พักอาศัย หรืองานที่ต้องการสูบจ่ายน้ำที่ต้องการเน้นแรงส่งสูง (ค่า Head สูง) แต่มีอัตราการไหลของปริมาณน้ำน้อย (ค่า Flow ไม่สูงเท่าเมื่อเทียบกับใบพัดประเภทอื่น )[/vc_column_text][vc_column_text]3.ใบพัด แบบCHANNEL[/vc_column_text][vc_single_image image=”793721″ img_size=”full”][vc_column_text]เป็นใบพัดที่มีลักษณะเป็นใบพัดเดี่ยวแบบกึ่งเปิด (Semi-open) โดยสร้างช่อง Solid Passage ให้มีความกว้าง เพื่อสามารถสูบจ่ายน้ำได้ในปริมาณมาก (ค่า Flow สูง) เพื่อรองรับการสูบตะกอนจากทางน้ำเข้าไปยังทางน้ำออกได้ โดยมีการอุดตันน้อยที่สุด เหมาะกับงานสูบจ่ายน้ำเสียที่มีตะกอนขนาดใหญ่ หรือน้ำสกปรกที่มีตะกอนแขวนลอยปะปนได้[/vc_column_text][vc_column_text]4.ใบพัด แบบCUTTER[/vc_column_text][vc_single_image image=”793723″ img_size=”full”][vc_column_text]เป็นใบพัดที่มีกลไกสามารถตัดเศษขยะได้ โดยปลายใบพัดจะติดตั้งใบมีดที่ทำจากทังสเตนคาร์ไบด์  ที่มีความแข็งแรง บริเวณทางเข้าตัวปั๊มออกแบบให้เป็นร่องฟันเลื่อย เพื่อให้ตัดขยะ เหมาะกับงานสูบจ่ายน้ำที่มีขยะชิ้นใหญ่ เช่น กระป๋องอลูมิเนียม ขวดน้ำพลาสติก หรือ เศษผ้า[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column][vc_column_text]นอกจากการเลือกปั๊มจุ่มด้วยการเลือกประเภทของใบพัดให้มีความมีเหมาะสมแล้ว เรายังต้องคำนึงถึง ประสิทธิภาพในการสูบจ่ายน้ำด้วย โดยดูจาก ค่า อัตราการไหลของปริมาณน้ำ (Flow) และ ค่าระยะส่งสูง (HEAD) ว่าสามารถนำไปใช้จริงตามวัตถุประสงค์ของหน้างานนั้นๆ ได้หรือไม่ และดูถึงขนาดของมอเตอร์ด้วยว่า ต้องการใช้ระบบไฟที่เท่าไหร่ เพราะหากใช้ระบบไฟที่สูงเกินกว่า ที่กำหนดไว้ ก็อาจจะทำให้เปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น

จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น การเลือกใช้ปั๊มจุ่ม ให้เหมาะกับงานน้ำเสีย ก็คือการเลือกใบพัด ให้เหมาะกับขนาดของตะกอน หรือเศษขยะที่ลอยอยู่ในน้ำเสีย เพราะนอกจากจะลดการอุดตันแล้ว ยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]